03 พฤศจิกายน 2553

การใช้สมุนไพรรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกและแผลอักเสบเรื้อรัง(Herb for Burns)

บาดแผลที่ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวกและเกิดการฉีกขาดหลุดออกของผิวหนังจนทำให้เสียเลือด ส่วนที่ผิวหนังหลุดออกจนเป็นแผลเปิดนั้นจะมีโอกาสสัมผัสหรือรับเอาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ทำให้เกิดการติดเชื้อและเป็นโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ผิวหนังที่ถูกทำลาย พุพองหรือหลุดลอกออกไปจะเป็นอันตรายมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับ ขนาดและความลึกของบาดแผลตลอดจนตำแหน่งที่เกิดแผลนั้นด้วย วิธีการปฐมพยาบาลและรักษาด้วยสมุนไพร(Herb for Burns) ก็มีส่วนที่จะทำให้บาดแผลที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกนั้นมีอาการดีขึ้นหรือในกลับกันอาจจะแย่ลงเนื่องจากเกิดการติดเชื้อและเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆได้

การปฐมพยาบาลบาดแผลที่ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ควรทำความสะอาดแผลโดยการล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดเพื่อเอาสิ่งสกปรกออกจากบาดแผล ถ้าบาดแผลเป็นแผลสดมีเลือดไหลให้ทำการห้ามเลือดทันที สิ่งที่ควรระวังเป็นอันดับต้นๆคือเรื่องความสะอาดของแผลเพราะบาดแผลจากการถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกจะเกิดการติดเชื้อและเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย

การใช้สมุนไพรรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก(Herb for Burns) มีสมุนไพรหลายชนิดที่ใช้รักษาบาดแผลชนิดนี้ได้เช่น ใบบัวบก(Tiger Herbal) สาบเสือและว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) แต่เนื่องจากการใช้สมุนไพรส่วนมากเป็นสมุนไพรสดหรือถ้าเป็นสมุนไพรแบบแห้งก็จะนำมาตำหรือฝนกับน้ำแล้วนำมาทาหรือพอกบาดแผลที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก การพอกแผลด้วยสมุนไพรนั้นต้องระวังเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมากเพราะการนำสมุนไพรมาพอกแผลมีโอกาสทำให้เกิดการติดเชื้อโรคได้ง่าย ดังนั้นหากเป็นไปได้การเลือกใช้สมุนไพรควรเลือกสมุนไพรที่ผ่านความร้อนมาก่อนหรือเลือกใช้สมุนไพรที่ผ่านการต้มก็จะช่วยฆ่าเชื้อโรคไปได้ในระดับหนึ่ง

เมื่อผิวหนังเกิดบาดแผลหากดูแลรักษาเรื่องความสะอาดไม่ดีพอก็อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียจนกลายเป็นแผลเรื้อรังได้ แผลจะมีหนองหรือหนองผสมกับน้ำเหลืองอาจเป็นตุ่มหนองแล้วแห้งกลายเป็นสะเก็ดสีน้ำตาลในเวลาต่อมา การติดเชื้ออาจเกิดตรงบริเวณต่อมไขมันทำให้กลายเป็นฝีได้ เชื้อที่เป็นสาเหตุทำให้กลายเป็นแผลเรื้อรังได้เช่น Beta Steptococcus และ Staphylococus

ปัจจัยสำคัญในการดูแลรักษาแผลที่เกิดจากการติดเชื้อจนกลายเป็นแผลเรื้อรังคือ ขนาดของแผลและบริเวณที่เกิดแผลว่าเกิดแผลในบริเวณกว้างหรือเกิดแผลในจุดที่ยากต่อการดูแลเช่น บริเวณที่มีการเสียดสีหรือเคลื่อนไหวอยู่เสมอเช่น บริเวณข้อพับ ขาหนีบเป็นต้น การดูแลรักษาจะยากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเช่นโรคเบาหวาน(Diabetes Mellitus) ที่จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ซึ่งผู้ป่วยต้องการการดูแลเป็นพิเศษเพราะการติดเชื้อในผู้ป่วยเบาหวานอาจลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้